วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

1/12/14

เอามาให้อ่าน บางส่วนที่คุรต้านเขียนไว้ตั้งแต่ปี47ครับ " 
หลักการของเทคนิคคัลที่ผมได้ไปเรียนรู้มานั้น มันไม่เพียงใช่เป็นแค่เรื่องของกราฟ หรือการตัดกันของเส้นต่างๆ (อันนี้ก็ถือว่าเป็นสาขาหนึ่งของเทคนิคเหมือนกัน เหมือน การแตกสาขาของศาสตร์ต่างๆเลยครับ เช
่น วิศวกรคอมพิวเตอร์ วิศวกรโยธา เครื่องกล เป็นต้น ) มาเข้าเรื่องต่อเลยนะครับ ที่เราพบบ่อยที่สุดในบ้านเรามักจะเป็น นักเทคนิค แบบ การทำนายอนาคต จาก รูปแบบ(patternต่างๆ) โดยมีการสร้าง indicator(ดัชนีชี้นำต่างๆแล้วแต่ความถนัดมาช่วย) วิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีแต่ผู้ใช้จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในตลาดมาช่วย สังเกตว่าเด็กใหม่ๆมักจะใช้วิธีกราฟเทรดสู้รุ่นเก๋าๆที่มีประสบการณ์ไม่ค่อยได้ ถ้าว่ากันตามหลัก ทฤษฏีแล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อไรที่เราจะพยามทำนายอนาคตมันจะมีปัจจัย(factor)หลายๆอย่างทั้งที่เราคาดการณ์ได้และคาดการณ์ไม่ได้ มาเป็นตัวประกอบทำให้เกิดค่าคลาดเคลื่อน(eror) ดังนั้นคนที่มีประสบการณ์เค้าจึงสามารถรับบรู้ได้โดยทันทีว่า รูปแบบเช่นนี้มันไม่ชอบมาพากล หรือไม่เป็นดังที่เค้าคิด จึงทำให้เค้าสามารถเอาตัวรอดได้ทันครับ
เทคนิคคัลนั้นตามหลักการแล้ว มันเป็นตัวช่วยให้เราเห็นภาพความคิดของผู้คนในตลาด " " 
เทคนิคคัลพื้นฐานวางกระบวนการเรียนรู้ไว้ดังนี้ครับ
ศึกษาอดีต<---->เรียนรู้ปัจจุบัน<---->ป้องกันอนาคต
เริ่มเห็นภาพมั้ยครับว่าเดี๋ยวนี้มันจะกลายเป็นแบบนี้ไปแทน ศึกษาอดีต ------> คาดการณ์อนาคต .... 

ว่ากันทีและตัวแล้วกันนะครับ, ศึกษาอดีต---->ก็คือการพยามทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่ผ่านมาผีผลอย่างไรก่อให้เกิดภาพกราฟแบบไหน (กราฟจะเป็นเหมือนวิดีโอบันทึกถึงการกระทำและความรู้สึกของมนุษย์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา) , เรียนรู้ปัจจุบัน (มองดูนะปัจจุบันว่ามันเกิดสถานการณ์แบบไหน มีปัจจัยอะไรบ้าง ก็ให้เกิดภาพกราฟอะไร พอเทียบเคียงกับภาพกราฟในอดีตได้ไหม ),ป้องกันอนาคตคือ ปัจจุบัน เมื่อ เทียบ กับอดีต แล้วมันจะเกิดเหตุการณ์แบบไหนได้บ้าง เราควรจะทำอย่างไรเมื่อเกิดแต่ละเหตุการณ์(กลายเป็นศาสตร์ใหม่ของฝรั่งขึ้นมาอีกเรียกว่าหลักการบริหารความเสี่ยง) ต่างกับหลักการเทคนิคคัลฉบับคาดการณ์อนาคตคือ เราเห็นอดีตแบบนี้ ปัจจุบันแบบนี้ เราจึงตัดสินใจซื้อหรือขายในแบบที่ควรจะเกิดจากอดีตทันที ซึ่งระบบจะง่ายและรวดเร็ว แต่ error จะมีมากกว่า และ บุคคลที่ใช้จำเป็นต้องมีระเบียบวินัยสูง เช่นการเน้นระบบ cut loss เมื่อตัดสินใจพลาด (จริงๆระบบcut loss มีความจำเป็นในหลายๆระบบ แต่ระบบนี้จะเน้นมากหน่อย เพื่อให้กลับมาสู่ loop การตัดสินใจวิเคราะห์ใหม่ได้)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น